รีวิวหนัง The Son สัมพันธ์ด่ำดิ่ง..รวดร้าว แทบลงไปนอนกองที่พื้นโรงหนัง

อีกหนึ่งผลงานหนังดราม่าสุดจัดจ้าน ทางการแสดงของผู้กำกับที่เด่นกับการร้อยเรียง ประเด็นครอบครัวได้อย่างเชี่ยวชาญ อย่าง “ฟลอเรียน เซลเลอร์” นักสร้างหนังที่เคยปังสุดๆ มาพร้อมกับหนังชิงออสการ์ อย่าง The Father และมาล่าสุดใน “The Son” ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหนังภาคต้น จากเรื่องที่แล้ว ที่ยังคงเน้นกับการ ใส่เนื้อความเกี่ยวกับ สถาบันครอบครัวได้อย่างถ่องแท้และเจ็บปวด ซึ่งต้องบอกตรงๆ เลยว่าหนังเรื่องทำปฏิกิริยา กับผู้ชมอย่างด่ำดิ่ง ชนิดที่แทบจะลงไปนอนกองที่พื้น

The Son ครอบครัว

The Son เล่าเรื่องราวของ ปีเตอร์ กำลังยุ่งอยู่กับชีวิตหน้าที่การงานของเขา

และการดูแลภรรยาคนปัจจุบัน เบธ กับลูกๆ ของพวกเขา กระทั่งการปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งของ เคต อดีตภรรยาที่มาพร้อมด้วย นิโคลัส ลูกชายที่เติบใหญ่เป็นวัยรุ่น ทำให้ชีวิตของปีเตอร์

จะต้องเผชิญหน้ากับช่วงหัวเลี้ยวหัวต่ออีกที สำหรับการจัดการกับอดีต ที่เขาเคยเดินจากมา และบัดนี้ได้ไล่ติดตาม ถึงตัวเขาอีกรอบ

หนังเรื่องนี้ปรับเปลี่ยนมาจากฉบับละครเวที (Le Fils) ที่ ฟลอเรียน เซลเลอร์ เป็นผู้ประพันธ์ และสร้างเอาไว้ เมื่อปี 2018 โดยเขาหยิบจับเอาบทละคร มาขัดเกลาปั้นออกมา เป็นบทหนังที่เต็มไปด้วยความคมคายเกี่ยวกับ ความสัมพันธ์แล้วก็ปัญหาในครอบครัว ได้อย่างบรรจงสร้าง บาดเจ็บไปด้วยการแสดงของนักแสดง

หลักๆเพียงไม่กี่คน แต่ว่าเต็มไปด้วยความทรงพลัง เป็นหนังที่สอดแทรกประเด็นได้อย่างหนักอึ้ง และก็สะท้อนปัญหาตอนนี้ ของความเป็นครอบครัวได้อย่างดีเยี่ยม

ถึงแม้เสียงวิจารณ์จากเหล่านักวิจารณ์ทั่วทั้งโลก จะมิได้ประทับใจในหนังเรื่องนี้กันสักเท่าไหร่ เพราะว่าความที่เป็นหนัง สไตล์เมโลดราม่า ที่ไม่ได้เหนือการคาดคะเนอะไรสักเท่าไหร่

แต่ไม่ว่าใครจะไม่ชอบ แต่ทางเราชอบหนังเรื่องนี้ ในระดับน่าพึงพอใจ ถึงมันบางทีอาจยังไม่ใช่หนังที่เต็ม ไปด้วยองค์ประกอบที่สมบูรณ์แบบ แต่ว่าอย่างน้อยๆTheSon ก็สร้างปฏิกิริยา และขับเคลื่อนอารมณ์ ให้กับผู้ชมไปได้ด้วยดี ตลอดเวลา 2 ชั่วโมงของหนังเรื่องนี้

The Son อดีต

บทหนังในเรื่อง The Son นั้น คือถ้าเกิดคนไหน

เป็นผู้เสพสายละครเวที หรือ Performance Art มานั่น จะสัมผัสได้อย่างชัดเจนเลยว่า หนังยังมีความเป็นละครเวทีปะปนอยู่เยอะไปหมด เหมือนหยิบการแสดงบนเวที มาร้อยเรียงเป็นช็อตๆ เรียบเรียงเป็นเรื่องเดียวกันออกมา เป็นหนังเรื่องนี้ รวมทั้งเป็นไปตามที่นักวิจารณ์

บอกกันว่าบทหนังมิได้ มีอะไรที่เหนือการคาดคะเน เพราะเหตุว่าหากทดลองตามดูไปเรื่อยๆ ก็มิได้จะเดาทิศทางของหนังได้ยากเท่าไหร่ บทสรุปและจุดหักมุมต่างๆ มีความเป็นแอคติ้งสเตจตามสูตร

ทางด้านงานสร้างของหนังเรื่องนี้ ดูเหมือนกับว่า ฟลอเรียน เซลเลอร์ ก็ยังคงนำเสน่ห์ และวิสัยทัศน์ ที่เคยชินของเขามา ใช้อยู่เช่นเดิม หลายประองค์ในหนังเรื่องนี้ ยังทำให้นึกถึง The Father ผลงานเรื่องก่อน อยู่ประปราย มุมภาพ มุมกล้อง และวิธีเสนอต่างๆ ของ TheSonยังเน้นย้ำไปที่การโฟกัสแบบโคสอัพตัวละคร ที่กำลังสื่อสารอารมณ์ อยู่ได้อย่างตรงไปตรงมา แม้ว่าจะไม่ใช่เทคนิคที่แปลกใหม่ แล้วก็ออกจะดูปกติไปหน่อย แต่ว่าก็จัดว่ายังเป็นสูตรเดิม ที่เวิร์กกับตัวหนังดีอยู่

The Son ดราม่า

ส่วนพาร์ททางการแสดงก็จัดว่ามิได้ทำให้ผิดหวังเลย “ฮิวจ์ แจ็คแมน”

เป็นแบกรับ รวมทั้งตีโจทย์ออกมาได้ดี ตามมาตรฐานของเขา ถึงแม้แอคติ้งของเขา จะไม่ได้ทรงพลังยิ่งยวดอะไรขนาดนั้น แต่ว่าจัดได้ว่าสื่อสาร ทางอารมณ์ออกมาได้ดี ทั้งผ่านอากัปกิริยาและไดอะล็อกต่างๆ เขาทำน่าพึงพอใจ เป็นการแสดงที่ดี ในมาตรฐานไปถึง รางวัลได้ เพียงแค่ต้องมาดูว่าคู่แข่ง ในปีนั้นๆ จะแข็งแกร่งสักเพียงใด ซึ่งแน่นอน ว่ายังมีคนอื่นๆ จากเรื่องอื่นที่ดีกว่า

ขณะที่ “ลอร่า เดิร๋น” กับ “วาเนสซา เคอร์บี้” ก็นับได้ว่าเป็นตัวละคร ที่ละสายตาไปมิได้เหมือนกัน พวกเขามอบการแสดง ที่น่าพอใจและดีตามมาตรฐานของตัวเองเหมือนกัน

หรือแม้กระทั่ง “แอนโทนี ฮอพกินส์” ที่ตำนานก็ยังเป็นตำนาน ออกมาแค่เพียงซีนเดียวใหญ่ๆ ก็ทรงพลังได้อย่างน่าขนลุก และก็ผู้ที่ไม่พูดถึงคงมิได้ก็คือ “เซน แม็คกราธ” นักแสดงหนุ่มดาวรุ่งหน้าใหม่ ที่ชั่วโมงบินบางทีอาจยังน้อย แต่ลีลากการเข้าถึงบทดราม่า ของเขาก็จัดได้ว่าจัดจ้านดี

โดยเหตุนี้โดยภาพรวมแล้ว TheSon ถือได้ว่าหนังดราม่า ที่เต็มไปด้วยเนื้อความ ที่ทรงพลังดี สะท้อนถึงปัญหาด้านสังคม แล้วก็ครอบครัวได้อย่างรวดร้าว การเล่าเรื่องที่ง่ายๆ ออกไปทางละครเวที เรื่องยาวที่ยังทำได้ตรึงใจดี กับการแสดงของนักแสดงมือโปร ที่ช่วยประคองตัวหนัง ทั้งเรื่องเอาไว้ได้อย่างดี

ถึงแม้ว่าหนังจะยังไม่ถึงขนาดสมบูรณ์ ในทุกด้านก็ตาม และก็บทหนังก็ยังออกจะธรรมดา ไม่เกินที่คาดเดาเท่าไรนัก แต่เพียงประเด็นของหนัง ที่อยากสื่อสารออกมานั้น ก็นับว่าสามารถซื้อใจ แล้วก็ทำให้รู้สึกเหนี่ยวรั้ง อารมณ์ขึ้นเรื่อยๆ ไปจนกระทั่งฉากจบของเรื่อง

ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง The Son

ประเภท: ดราม่า / ครอบครัว
ผู้กำกับ: ฟลอเรียน เซลเลอร์
นำแสดงโดย: ฮิวจ์ แจ็คแมน, ลอร่า เดิร์น, วาเนสซา เคอร์บี้
ความยาว: 123 นาที
กำหนดฉายในไทย: 26 ม.ค. 2023 (เฉพาะที่ House สามย่าน)